เทคนิคขับรถให้ประหยัดน้ำมัน เซฟเงินในกระเป๋ายุคน้ำมันแพง!

ภาวะการแพร่ระบาดโควิด-19 และความตึงเครียดในหลายภูมิภาคทั่วโลก เศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวและตอนนี้ที่เข้าสู่ฤดูร้อน ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องเสียเงินเพื่อเติมน้ำมันมากกว่าเดิม

จากสถานการณ์เช่นนี้ ปตท. จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมใจใช้พลังงานอย่างใช้อย่างคุ้มค่าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะนอกจากจะลดค่าใช้จ่ายของเราแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในภาพรวมของประเทศ นอกจากนี้ ปตท. ทั้งยังมีเทคนิคน่ารู้ให้ผู้ใช้รถยนต์ประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพียงปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับรถ ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงได้!

1. ควบคุมความเร็วให้คงที่

ยิ่งขับเร็วเร็วเท่าไหร่ รถยนต์ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งหลักพื้นฐานที่ผู้ใช้รถคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว โดยปกติรถยนต์ส่วนใหญ่จะประหยัดที่สุดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 50-80 กม./ชม. หากวิ่งเกินโซนความเร็วนี้ไปจะผลาญเชื้อเพลิงมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้หากรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอตลอดเส้นทาง จะช่วยเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้ด้วยเช่นกัน

2. หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยาง

ลมยางที่อ่อนเกินไป นอกจากจะอันตรายต่อการขับขี่แล้ว ยังเป็นตัวการที่ทำให้รถกินน้ำมันมากยิ่งขึ้น ควรเติมลมยาง หรือคอยตรวจสอบแรงดันลมยาง ไม่ให้อ่อนมากจนเกินไป เติมให้แข็งกว่าที่กำหนดเล็กน้อย เช่น ให้เติมที่ 32 ก็เติมเพิ่มสัก 33-34 การเติมลมยางให้แข็งเข้าไว้ แต่เติมมากจนเกินไปอาจทำให้เกิดอาการแข็งกระด้าง กระเด้ง-กระแทก เมื่อวิ่งผ่านทางไม่เรียบ แต่ลมยางที่ถูกต้องตามมาตรฐานช่วยยืดอายุยาง และช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง จะขับออกทางไกลก็เติมลมเผื่อเอาไว้สักหน่อย นอกจากจะช่วยทำให้ยางไม่มีอุณหภูมิสูงเกินไปขณะวิ่งด้วยความเร็ว ยังช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกด้วย ยางที่มีลมอ่อนจะเสี่ยงต่อการระเบิดและทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น

3. ออกตัวแบบปกติไม่เร่งรีบ

การออกตัวเมื่อจอดรอสัญญาณไฟจราจรเป็นคันแรก ไม่ควรใช้คันเร่งอย่างเต็มที่ ใช้วิธีค่อยๆ กดคันเร่งไปเรื่อยๆ เพิ่มความเร็วแบบค่อยเป็นค่อยไป เครื่องยนต์และเกียร์จะทำงานไม่หนักมากด้วยการออกตัวอย่างนิ่มนวล แถมยังได้อัตราสิ้นเปลืองเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยในยุคน้ำมันแพง ให้ใช้คันเร่งตอนออกตัวแบบค่อยๆ กดจะทำให้ประหยัดน้ำมันได้ดี

4. สำรวจสภาพการจราจรก่อนออกเดินทาง

ก่อนจะออกเดินทางไปในเขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ลองเปิดแอพ รายงานสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบสภาพการจราจรตลอดเส้นทางว่าโล่ง หรือติดหนึบเป็นชั่วโมง เมื่อส่องด้วยแอปฯ แล้วเห็นว่าแดงทั้งเส้น ก็ควรหาทางหลีกเลี่ยง ไม่ควรขับฝ่าเข้าไปในเขตรถติด หากไม่มีความจำเป็น

5. ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดรอนานๆ

ระบบ Auto start/stop ที่ติดตั้งมาให้ในรถยนต์รุ่นใหม่ ควรเปิดใช้งาน มันอาจทำให้คุณรำคาญกับการติดๆ ดับๆ ของเครื่องยนต์ แต่ช่วยทำให้ประหยัดน้ำมัน และช่วยทำให้อากาศในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ที่มีรถติดสะอาดมากขึ้นอีกนิด นอกจากจะประหยัด และทำให้มลพิษในอากาศลดลงแล้ว เครื่องยนต์ยังมีโอกาสพักการทำงาน (แต่ระบบ Auto start/stop นั้น ไดร์สตาร์ตจะทำงานพร่ำเพรื่อมากเกินไปเหมือนกัน)

6.ไม่ต้องวอร์มเครื่องยนต์นานๆ

เมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ตอนเช้า รอเดี๋ยวเดียวให้รอบเครื่องลดลงก็สามารถขับออกไปได้เลย ไม่ต้องรอจนความร้อนขึ้นถึงขีดกึ่งกลาง ออกจากที่พักเพื่อไปทำงานก็ใช้ความเร็วต่ำ เมื่อเครื่องยนต์ยังไม่ถึงเกณฑ์อุณหภูมิการทำงาน ก็ไม่ควรกดคันเร่งลากรอบลากเกียร์เพื่อไปให้เร็วขึ้น ขับไปเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ความร้อนของเครื่องยนต์ก็เข้าสู่เกณฑ์ปกติ ไม่จอดเดินเบาอยู่กับที่นานเกินไป ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังก่อมลพิษอีกด้วย

7.ปรับอุณหภูมิระบบแอร์ติดรถให้เหมาะสม

สำหรับคนขี้หนาว ไม่ชอบอากาศเย็น หรือไม่ชอบแอร์ที่เป่าใส่หน้า ก็สามารถปรับอุณหภูมิระบบปรับอากาศของรถยนต์ โดยตั้งเอาไว้ที่ 25 องศาฯ หากฝนตก และอุณหภูมิภายนอกไม่ร้อนมากจนเกินไป การปรับไปที่ 25 องศาเซลเซียส ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ตัดการทำงานในบางจังหวะ ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้ อาจไม่มากเท่ากับการใช้คันเร่ง แต่ก็ทำให้ประหยัดน้ำมันได้อีก 5% เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์หยุดทำงาน การกินกำลังเครื่องยนต์ก็จะลดลง (นิดเดียว)

8. เอาสิ่งของ-สัมภาระที่ไม่จำเป็นออกจากรถ

ข้าวของเครื่องใช้ในรถของคุณผู้หญิงจะเยอะมาก เช่น รองเท้าที่โยนไว้ท้ายรถ แฟ้มเอกสาร ตำราเรียน หนังสือนิตยสาร หรือกระเป๋าของใช้กระจุกกระจิก หากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานในวันนั้น ก็ขนออกจากรถบ้าง บางรายเล่นขนลังใบยักษ์ข้างในก็ใส่สิ่งของสารพัด ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้ก็ยังมายัดเอาไว้ในรถแบบนี้ น้ำหนักบรรทุกก็จะเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น.

9. หมั่นตรวจเช็กสภาพรถ

เมื่อถึงเวลาครบกำหนดที่คุณต้องนำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพ ซึ่งการตรวจสภาพเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากจะช่วยทำให้รถยนต์ของคุณพร้อมในการขับขี่ ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ด้วย เนื่องจากการที่รถยนต์กินน้ำมัน อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่อุปกรณ์ต่างๆ เสื่อมสภาพก็เป็นไปได้ ดังนั้นถ้าหากถึงเวลาที่ควรจะต้องนำรถไปเช็กสภาพ ก็ไม่ควรที่จะละเลยคำพูดจาก เว็บสล็อตทดลองเล่น

เพียงแค่นี้ค่าน้ำมันรถของคุณก็จะถูกลงไปอีกเยอะแล้ว แถมยังเป็นการถนอมรถให้คงสภาพเหมือนใหม่ได้นานขึ้นอีกด้วย แต่ที่สำคัญต้องปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อการขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง…มาร่วมใจกันใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้เพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ไปด้วยกัน